เกร็ดความรู้ที่ดีต่อชีวิต1. เรื่องขวดน้ำพลาสติกที่บรรจุน้ำดื่มปัจจุบันเพิ่งมีคนตายเพราะการนำขวดพลาสติกดังกล่าวไปบรรจุน้ำดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า โดยสารพิษชนิดหนึ่ง สามารถละลายออกมาปะปนกับน้ำดื่ม เนื่องจากขวดประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ครั้งเดียว อายุการใช้งานสั้น ๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สมควรเสียดาย นำมาบรรจุน้ำดื่มอีก รวมทั้งน้ำที่มากับขวด หากแม้ว่าเปิดกินไม่หมดแล้วเก็บไว้ในรถยนต์ ซึ่งรถดังกล่าวอาจจอดที่ ๆ ร้อน ๆ ความร้อนก็มีผลกับสารพิษที่มากับขวดได้ ดังนั้นเมื่อเปิดดื่มแล้ว ควรดื่มให้หมดภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากเก็บขวดนั้นไว้ที่ร้อน ๆ ถ้าเก็บที่อุณหภูมิห้องจะปลอดภัยกว่า2. ม่านพลาสติกที่แขวนในห้องน้ำเพื่อกั้นพื้นที่แห้ง กับเปียก มีนักจุลชีววิทยา คนนึงในต่างประเทศ เค้าสังเกตว่าที่ม่านพลาสติกมีคราบดำ ๆ ทีแรกเค้าคิดว่าเป็นคราบสบู่ เค้าลองขูดแล้วเอาไปส่องกล้อง ปรากฏว่าคราบดำ ๆ ดังกล่าวเป็นแบคทีเรียชนิดร้ายแรงที่เติบโตโดยอาศัย การผายลม การเลอ การไอ จาม ของมนุษย์เรานี่แหละ เป็นอาหารอย่างดีของมัน เค้าแนะนำว่า เราควรถอดไปซัก อาทิตย์ละครั้ง หรือ เดือนละ 2 ครั้งก็ได้ หรือถ้าไม่มีเวลาก็เดือนละครั้งก็ยังดีนอกจากนี้เค้าเตือนว่า อะไรที่เป็นพลาสติกก็เข้าข่ายเหมียนกัลลลล....ลโดยเจ้าเชื้อโรคเนี่ยมันจะเข้ามาทำอันตรายเราก็ต่อเมื่อ เราป่วย มีบาดแผล คนแก่ คนที่ผ่าตัด เปลี่ยนอวัยวะ แล้วต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน3. เรื่องคนนอนดึก เราควรพักผ่อนเข้านอนเวลา 3 ทุ่ม เนื่องจากร่างกายเราต้องการเวลาในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ขับของเสียตามอวัยวะต่าง ๆ ย่อยอาหารให้หมด ถ้ากินมื้อหนักตอนกลางคืน แถมนอนดึกอีก รับรองว่าอ้วนพุงพุ้ย แน่นอน ไขมันเผาผลาญไม่หมดมันเลยสะสม แต่ถ้านอนดึกเลี่ยงไม่ได้ ควรปฏิบัติดังนี้3.1 งดเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ เพราะย่อยยาก ลำไส้ต้องทำงานหนัก3.2 หากเราอยากกินเนื้อสัตว์ ก็ควรช่วยลำไส้ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด ยิ่งเคี้ยวละเอียด ยิ่งดี จะได้แบ่งเบาภาระลำไส้3.2 ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่น ๆ หรือ น้ำอุ่นธรรมดา + น้ำผึ้ง หรือถ้าไม่มีอะไรเลย น้ำอุ่น ธรรมดา สัก 1 แก้วก็ได้ เหมียน กัลลล...ล3.3 เวลานอน ควรทำให้ช่วงท้อง / ฝ่าเท้าอุ่น โดยการห่มผ้า3.4 ที่จริงมื้อดึก ควรเป็นมื้อเบา ๆ อย่างเช่น ผัก ผลไม้ นม ไข่ เนื้อปลา จะดีกว่า3.5 ควรเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม เพราะเพิ่มภาระให้ระบบภายในร่างกาย ร่างกายเราต้องความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร หากดื่มแต่น้ำเย็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร จะทำให้ร่างกายเราต้องพยายามปรับอุณหภูมิ ให้อุ่นเหมาะสมก่อน แล้วจึงนำไปใช้ การดื่มน้ำอัดลมก็ไม่มี ประโยชน์อะไร เพิ่มกรดให้ร่างกาย แถมมีน้ำตาลที่สะสมตามร่างกายอีก****ถ้าอยากกินเนื้อสัตว์ ควรกินเวลา 7.00 น - 9.00 น. เนื่องจากกระเพาะเรามีสภาพ เป็นกรดสูงมากที่สุด ดังนั้นมื้อเช้าจะจำเป็นมาก ๆ ถ้าอดมื้อเช้าไปนาน ๆขั้วกระเพาะเราจะเป็น ปุ่มปม และนานเข้า ๆ ก็กลายเป็นมะเร็งในกระเพาะอย่าลืมดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วนะ น้ำสะอาดจะช่วยล้างของเสีย ออกจากร่างกาย อย่าขี้เกียจลุกไปห้องน้ำเด็ดขาดห้ามอดหลับอดนอนตั้งแต่ ตีหนึ่ง เด็ดขาด เนื่องจาก ถุงน้ำดีกำลังย่อยไขมัน ถ้าอดนอนเวลานี้ บ่อย ๆ จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีห้ามกินนมตอนเช้า แทนข้าวเช้า เนื่องจาก ตอนเช้ากระเพาะเป็นกรดสูงมาก นึกสภาพดูหากเรา บีบน้ำมะนาวลงในนม จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี กลายเป็นคอลลอยด์ มันไม่ย่อยนะจ๊ะ ถ้าดื่มนมตอน ท้องว่างแบบนี้ติดต่อกันเป็นประจำแทนข้าวเช้า ระวังมะเร็งในไขกระดูกนะจ๊ะ แต่ถ้าเป็นช่วงหลัง อาหารเช้า หรือ ตอนบ่ายไปแล้ว หรือตอนเย็นดื่มได้ตามปกติจ้า มื้อเย็นอาจเป็นมื้อง่าย ๆอย่างนม กับไข่ก็ไม่ว่ากันถั่วต่าง ๆ รวมทั้งธัญพืชสารพัดอย่าง เช่น ลูกเดือย ข้าวฟ่าง ฯลฯ มีประโยชน์ต่อลำไส้ คือ ช่วยกวาดเชื้อโรค + แบคทีเรียชนิดไม่ดี ออกจากลำไส้เรา ควรกิน อาทิตย์ละครั้ง อย่างน้อยพืชผักสีเขียว มีคลอโรฟิวส์ ช่วยทำให้เม็ดเลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี เซลแต่ละเซลล์จะแข็งแรงเมื่อมีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง ก่อนเอาผักมากิน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารพิษ อย่าลืมแช่น้ำส้มสายชู 45 นาทีนะจ๊ะ
วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551
เกร็ดความรู้
เกร็ดความรู้ที่ดีต่อชีวิต1. เรื่องขวดน้ำพลาสติกที่บรรจุน้ำดื่มปัจจุบันเพิ่งมีคนตายเพราะการนำขวดพลาสติกดังกล่าวไปบรรจุน้ำดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า โดยสารพิษชนิดหนึ่ง สามารถละลายออกมาปะปนกับน้ำดื่ม เนื่องจากขวดประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ครั้งเดียว อายุการใช้งานสั้น ๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สมควรเสียดาย นำมาบรรจุน้ำดื่มอีก รวมทั้งน้ำที่มากับขวด หากแม้ว่าเปิดกินไม่หมดแล้วเก็บไว้ในรถยนต์ ซึ่งรถดังกล่าวอาจจอดที่ ๆ ร้อน ๆ ความร้อนก็มีผลกับสารพิษที่มากับขวดได้ ดังนั้นเมื่อเปิดดื่มแล้ว ควรดื่มให้หมดภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากเก็บขวดนั้นไว้ที่ร้อน ๆ ถ้าเก็บที่อุณหภูมิห้องจะปลอดภัยกว่า2. ม่านพลาสติกที่แขวนในห้องน้ำเพื่อกั้นพื้นที่แห้ง กับเปียก มีนักจุลชีววิทยา คนนึงในต่างประเทศ เค้าสังเกตว่าที่ม่านพลาสติกมีคราบดำ ๆ ทีแรกเค้าคิดว่าเป็นคราบสบู่ เค้าลองขูดแล้วเอาไปส่องกล้อง ปรากฏว่าคราบดำ ๆ ดังกล่าวเป็นแบคทีเรียชนิดร้ายแรงที่เติบโตโดยอาศัย การผายลม การเลอ การไอ จาม ของมนุษย์เรานี่แหละ เป็นอาหารอย่างดีของมัน เค้าแนะนำว่า เราควรถอดไปซัก อาทิตย์ละครั้ง หรือ เดือนละ 2 ครั้งก็ได้ หรือถ้าไม่มีเวลาก็เดือนละครั้งก็ยังดีนอกจากนี้เค้าเตือนว่า อะไรที่เป็นพลาสติกก็เข้าข่ายเหมียนกัลลลล....ลโดยเจ้าเชื้อโรคเนี่ยมันจะเข้ามาทำอันตรายเราก็ต่อเมื่อ เราป่วย มีบาดแผล คนแก่ คนที่ผ่าตัด เปลี่ยนอวัยวะ แล้วต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน3. เรื่องคนนอนดึก เราควรพักผ่อนเข้านอนเวลา 3 ทุ่ม เนื่องจากร่างกายเราต้องการเวลาในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ขับของเสียตามอวัยวะต่าง ๆ ย่อยอาหารให้หมด ถ้ากินมื้อหนักตอนกลางคืน แถมนอนดึกอีก รับรองว่าอ้วนพุงพุ้ย แน่นอน ไขมันเผาผลาญไม่หมดมันเลยสะสม แต่ถ้านอนดึกเลี่ยงไม่ได้ ควรปฏิบัติดังนี้3.1 งดเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ เพราะย่อยยาก ลำไส้ต้องทำงานหนัก3.2 หากเราอยากกินเนื้อสัตว์ ก็ควรช่วยลำไส้ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด ยิ่งเคี้ยวละเอียด ยิ่งดี จะได้แบ่งเบาภาระลำไส้3.2 ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่น ๆ หรือ น้ำอุ่นธรรมดา + น้ำผึ้ง หรือถ้าไม่มีอะไรเลย น้ำอุ่น ธรรมดา สัก 1 แก้วก็ได้ เหมียน กัลลล...ล3.3 เวลานอน ควรทำให้ช่วงท้อง / ฝ่าเท้าอุ่น โดยการห่มผ้า3.4 ที่จริงมื้อดึก ควรเป็นมื้อเบา ๆ อย่างเช่น ผัก ผลไม้ นม ไข่ เนื้อปลา จะดีกว่า3.5 ควรเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม เพราะเพิ่มภาระให้ระบบภายในร่างกาย ร่างกายเราต้องความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร หากดื่มแต่น้ำเย็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร จะทำให้ร่างกายเราต้องพยายามปรับอุณหภูมิ ให้อุ่นเหมาะสมก่อน แล้วจึงนำไปใช้ การดื่มน้ำอัดลมก็ไม่มี ประโยชน์อะไร เพิ่มกรดให้ร่างกาย แถมมีน้ำตาลที่สะสมตามร่างกายอีก****ถ้าอยากกินเนื้อสัตว์ ควรกินเวลา 7.00 น - 9.00 น. เนื่องจากกระเพาะเรามีสภาพ เป็นกรดสูงมากที่สุด ดังนั้นมื้อเช้าจะจำเป็นมาก ๆ ถ้าอดมื้อเช้าไปนาน ๆขั้วกระเพาะเราจะเป็น ปุ่มปม และนานเข้า ๆ ก็กลายเป็นมะเร็งในกระเพาะอย่าลืมดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วนะ น้ำสะอาดจะช่วยล้างของเสีย ออกจากร่างกาย อย่าขี้เกียจลุกไปห้องน้ำเด็ดขาดห้ามอดหลับอดนอนตั้งแต่ ตีหนึ่ง เด็ดขาด เนื่องจาก ถุงน้ำดีกำลังย่อยไขมัน ถ้าอดนอนเวลานี้ บ่อย ๆ จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีห้ามกินนมตอนเช้า แทนข้าวเช้า เนื่องจาก ตอนเช้ากระเพาะเป็นกรดสูงมาก นึกสภาพดูหากเรา บีบน้ำมะนาวลงในนม จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี กลายเป็นคอลลอยด์ มันไม่ย่อยนะจ๊ะ ถ้าดื่มนมตอน ท้องว่างแบบนี้ติดต่อกันเป็นประจำแทนข้าวเช้า ระวังมะเร็งในไขกระดูกนะจ๊ะ แต่ถ้าเป็นช่วงหลัง อาหารเช้า หรือ ตอนบ่ายไปแล้ว หรือตอนเย็นดื่มได้ตามปกติจ้า มื้อเย็นอาจเป็นมื้อง่าย ๆอย่างนม กับไข่ก็ไม่ว่ากันถั่วต่าง ๆ รวมทั้งธัญพืชสารพัดอย่าง เช่น ลูกเดือย ข้าวฟ่าง ฯลฯ มีประโยชน์ต่อลำไส้ คือ ช่วยกวาดเชื้อโรค + แบคทีเรียชนิดไม่ดี ออกจากลำไส้เรา ควรกิน อาทิตย์ละครั้ง อย่างน้อยพืชผักสีเขียว มีคลอโรฟิวส์ ช่วยทำให้เม็ดเลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี เซลแต่ละเซลล์จะแข็งแรงเมื่อมีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง ก่อนเอาผักมากิน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารพิษ อย่าลืมแช่น้ำส้มสายชู 45 นาทีนะจ๊ะ
ความรู้
ความปรารถนาดี
ข่าวสุขภาพ
นมและนมถั่วเหลืองแม้ว่านมถั่วเหลืองจะอุดมไปด้วยโปรตีน แต่จะเกิด ประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อกระเพาะอาหารมีสารประเภทแป้งอยู่
เหล้า หากดื่มเหล้าในขณะท้องว่าง จะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
น้ำตาลหรืออาหารหวาน ไม่ควรรับประทานอาหารหวานหรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อกโกแลต เพราะหากรับประทานขณะท้องว่างจะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลส่ง ผลต่อการ ดูดซึมโปรตีนทุกชนิด และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต
ชาที่แก่เกินไป ชาทำให้กรดเกลือในน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง ส่งผลให้การทำงานของระบบย่อยอาหารลดลง และเกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะมือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ
ลูกพลับ ไม่ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่าง เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่ง กรดเกลือออกมามาก หากไปรวมตัวกับยาง และสารแขวนลอยในลูกพลับแล้ว จะทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
กล้วย เพราะกล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วยขณะท้องว่าง จะทำให้ปริมาณธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไป เป็น การยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง
กระเทียมเพราะจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารได้รับการกระตุ้น เกิดโรค กระเพาะอาหารอักเสบอย่างรุนแรง ผัก การรับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปกติ
นอกจากนั้นยังไม่ควรอาบน้ำหลังออกกำลังกาย ด้วยเช่นกัน เพราะการอาบน้ำและ การออกกำลังกายภายในขณะที่ท้องว่าง จะทำให้เกิดอาการช็อก เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย
ดังนั้น เราก็ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายของเราดีกว่านะคะ...

2. มีศรัทธาในตัวเอง จงเชื่อมั่นในความเก่งของคุณ อยากให้ใคร ๆ เขาชื่นชอบและทึ่งในตัวคุณ คุณก็ต้องมั่นใจตัวเองก่อน
3. ขอท้าคว้าฝัน ไม่มีอะไรที่จะทรงพลังมากเท่ากับความตั้งใจจริงและทุ่มสุดตัว จะเป็นแรง ผลักดันที่จะทำให้คุณสานฝันสู่ความจริงได้
4. ค้นหาบุคคลต้นแบบ ใครก็ได้ที่คุณชื่นชมเพื่อเป็นมาตรฐานที่ดีในการดำเนินรอยตาม ศึกษาแนวคิด วิธีการทำงาน จุดเด่นในตัวเขา แล้วอาจนำมาปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตได้บ้าง
5. เริ่มต้นงานใหม่ทุกวันด้วยรอยยิ้มสดใส คนที่มีรอยยิ้มระบายไว้บนใบหน้า เสมือนประตูที่เปิดกว้าง ให้ใคร ๆ อยากเข้ามาคบหาด้วย การเจรจา ติดต่องานก็มักจะลงเอยด้วยความสำเร็จ
นอกจากนี้ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ยังสร้างความเบิกบานและคลายทุกข์ แถมยังเป็นยาอายุวัฒนะชั้นดีอีกด้วย
เกร็ดความรู้สำหรับเลขานุการ

ทีมนักวิทยาศาสตร์ในออสเตรเลียพบว่า เครื่อง เลเซอร์พรินเตอร์ ที่ใช้พิมพ์งานในสำนักงานนั้น เป็นอันตรายต่อปอดของคนทำงานได้พอ ๆ กับอนุภาคควันจากการสูบบุหรี่
ผลจากการเฝ้าสังเกตตรวจตราเครื่อง เลเซอร์พรินเตอร์ หลายรุ่น 1 ใน 3 ของเครื่องนั้นปล่อยระดับหมึกที่เป็นอันตรายออกมาสู่อากาศรอบข้าง ทีมนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีควีนส์แลนด์ เรียกร้องต่อรัฐบาลให้ออกกฎควบคุมการฟุ้งกระจายของหมึกจากเครื่องพรินเตอร์อย่างจริงจัง และเสนอว่าเครื่อง พรินเตอร์ บางชนิดน่าจะมีการติดป้ายเตือนภัยเกี่ยวกับสุขภาพ
นักวิจัยกลุ่มนี้ได้ทำการทดสอบเครื่อง พรินเตอร์ ต่าง ๆ กว่า 60 เครื่อง พบว่าเกือบ 1/3 นั้นมีการปล่อยอนุภาคหมึกขนาดเล็กจิ๋วออกมา มันมีขนาดเล็กมากจนสามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดได้ และเป็นเหตุให้เกิดปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ ไปจนถึงการเจ็บป่วยเรื้อรัง
ในการทดสอบกระทำขึ้นภายในสำนักงานแบบเปิด และพบว่าอนุภาคนั้นเพิ่มขึ้น 5 เท่าระหว่างชั่วโมงทำงาน ซึ่งสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากการใช้เครื่อง พรินเตอร์ นั่นเอง ปัญหาจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนหมึกพิมพ์ใหม่ และมีการเรียกใช้งานพิมพ์ภาพกราฟฟิกที่มีปริมาณการใช้หมึกพิมพ์สูง
รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมระวังรักษาสุขภาพกันด้วย.
วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2551
หนังสือราชการ
หนังสือราชการ คือ เอกสารที่เป็นหลักฐานในราชการ ได้แก่
1. หนังสือที่มีไปมาระหว่างส่วนราชการ
2. หนังสือที่ส่วนราชการมีไปถึงหน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือที่มีไปถึงบุคคลภายนอก
3. หนังสือที่หน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือที่บุคคลภายนอกมีมาถึงส่วนราชการ
4. เอกสารที่ทางราชการจัดทำขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานในราชการ
5. เอกสารที่ทางราชการจัดทำขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ หรือ ข้อบังคับ
หนังสือราชการมี 6 ชนิด
1. หนังสือภายนอก
2. หนังสือภายใน
3. หนังสือประทับตรา
4. หนังสือสั่งการ
5. หนังสือประชาสัมพันธ์
6. หนังสือที่เจ้าหน้าที่ทำขึ้นหรือรับไว้เป็นหลักฐานในราชการ
การพิมพ์หนังสือราชการภายนอก
หนังสือราชการภายนอก คือ หนังสือติดต่อราชการที่เป็นแบบพิธีโดยใช้กระดาษตราครุฑ เป็นหนังสือติดต่อระหว่างส่วนราชการ หรือส่วนราชการมีถึงหน่วยงานอื่น ซึ่งมิใช่ส่วนราชการ หรือที่มีถึงบุคคลภายนอก โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ที่ ให้ลงเลขรหัสด้วยพยัญชนะและเลขประจำของเจ้าของเรื่อง
2. ส่วนราชการเจ้าของหนังสือ ให้ลงชื่อส่วนราชการ สถานที่ราชการ หรือคณะกรรมการซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือนั้น และโดยปกติให้ลงที่ตั้งไว้ด้วย
3. วัน เดือน ปี ให้ลงเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลขของปีพุทธศักราชที่ออกหนังสือ
4. เรื่อง ให้ลงเรื่องย่อที่เป็นใจความสั้นที่สุดของหนังสือฉบับนั้นในกรณีที่เป็นหนังสือต่อเนื่อง โดยปกติให้ลงเรื่องของหนังสือฉบับเดิม
5. คำขึ้นต้น ให้ใช้คำขึ้นต้นตามฐานะของผู้รับหนังสือ สรรพนาม และคำลงท้าย แล้วลงตำแหน่งของผู้ที่มีหนังสือนั้นมีถึง หรือชื่อบุคคลในกรณีที่มีถึงตัวบุคคลไม่เกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่
6. อ้างถึง (ถ้ามี) ให้อ้างถึงหนังสือที่เคยมีต่อกันเฉพาะหนังสือที่ส่วนราชการผู้รับหนังสือได้รับมาก่อนแล้ว การอ้างถึง ให้อ้างถึงหนังสือฉบับสุดท้ายที่ติดต่อกันเพียงฉบับเดียวเว้นแต่มีเรื่องอื่นที่เป็นสาระสำคัญต้องนำมาพิจารณา จึงอ้างหนังสือฉบับอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นโดยเฉพาะให้ทราบด้วย
7. สิ่งที่ส่งมาด้วย (ถ้ามี) ให้ลงชื่อสิ่งของ เอกสาร หรือบรรณสารที่ส่งไปพร้อมกับหนังสือนั้น ในกรณีที่ไม่สามารถส่งไปในซองเดียวกันได้ให้แจ้งด้วยว่าส่งไปโดยทางใด
8. ข้อความ ให้ลงสาระสำคัญของเรื่องให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย หากมีความประสงค์หลายประการให้แยกเป็นข้อ ๆ
9. คำลงท้าย ให้ใช้คำลงท้ายตามฐานะของผู้รับหนังสือ
10. ลงชื่อ ให้ลงลายมือชื่อเจ้าของหนังสือ และให้พิมพ์ชื่อเต็มของเจ้าของลายมือชื่อไว้ใต้ลายมือชื่อ
11. ตำแหน่ง ให้ลงตำแหน่งของเจ้าของหนังสือ
12. ส่วนราชการเจ้าของเรื่อง ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่อง หรือหน่วยงานที่ออกหนังสือ ถ้าส่วนราชการที่ออกหนังสืออยู่ในระดับกระทรวงหรือทบวง ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่องทั้งระดับกรมและกอง ถ้าส่วนราชการที่ออกหนังสืออยู่ในระดับกรมลงมาให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรื่องเพียงระดับกองหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ
13. โทร ให้ลงหมายเลขโทรศัพท์ของส่วนราชการเจ้าของเรื่อง หรือหน่วยงานที่ออกหนังสือและหมายเลขภายในตู้สาขา (ถ้ามี) ไว้ด้วย
14. สำเนาส่ง (ถ้ามี) ในกรณีที่ผู้ส่งจัดทำสำเนาส่งไปให้ส่วนราชการหรือบุคคลอื่นทราบและประสงค์จะให้ผู้รับทราบว่าได้มีสำเนาส่งไปให้ผู้ใดแล้ว ให้พิมพ์ชื่อเต็มหรือชื่อย่อของส่วนราชการหรือชื่อบุคคลที่ส่งสำเนาไปให้ เพื่อให้เป็นที่เข้าใจระหว่างผู้ส่งและผู้รับ ถ้าหากมีรายชื่อที่ส่งมากให้พิมพ์ว่าส่งไปตามรายชื่อที่แนบและแนบรายชื่อไปด้วย
*ขนาดของครุฑในการพิมพ์หนังสือราชการจะมี 2 ขนาด คือขนาด 1.5 ซม. และขนาด 3 ซม. โดยหนังสือราชการภายนอกและหนังสือราชการชนิดอื่น ๆ จะใช้ครุฑขนาด 3 ซม. ส่วนหนังสือราชการภายใน (บันทึกข้อความ) จะใช้ครุฑขนาด 1.5 ซม.
การพิมพ์หนังสือราชการภายใน
หนังสือราชการภายใน คือ หนังสือที่ติดต่อภายในกระทรวง ทบวง กรม หรือจังหวัดเดียวกัน ใช้กระดาษบันทึกข้อความ (ใช้แบบมีเส้นบรรทัดหรือแบบไม่มีเส้นบรรทัด) โดยมี รายละเอียดดังนี้
1. ส่วนราชการ ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของหนังสือหรือหน่วยงานที่ออกหนังสือ โดยมี รายละเอียดพอสมควร เช่น ฝ่ายส่งเสริมการศึกษา เป็นต้น
2. ที่ ให้ลงเลขรหัสตัวพยัญชนะและเลขประจำของเจ้าของเรื่องทับเลขทะเบียนหนังสือส่ง เช่น ที่ ศธ 0908.03/213
3. วัน เดือน ปี ให้ลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลขของปีพุทธศักราชที่ออกหนังสือ เช่น 20 มีนาคม 2547 การพิมพ์วัน เดือน ปี ของหนังสือราชการภายในจะพิมพ์เป็นตัวย่อได้ เช่น 20 มี.ค. 47
4. เรื่อง ให้ลงชื่อเรื่องย่อที่เป็นใจความสั้นที่สุดของหนังสือฉบับนั้น ในกรณีที่เป็นหนังสือต่อเนื่องโดยปกติให้ลงเรื่องของหนังสือฉบับเดิม
5. คำขึ้นต้น ใช้ตามฐานะของผู้รับหนังสือ นิยมใช้คำว่า “เรียน”
6. ข้อความ ให้ลงสาระสำคัญของเรื่องให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย หากมีความประสงค์หลายประการให้แยกเป็นข้อ ๆ ในกรณีที่มีการอ้างถึงหนังสือที่เคยมีติดต่อกันหรือมีสิ่งที่ส่งมาด้วยให้ระบุไว้ในข้อนี้
7. ลงชื่อและตำแหน่ง ให้เว้น 2 บรรทัดจากบรรทัดสุดท้ายของข้อความ เริ่มต้นพิมพ์จาก กึ่งกลางหน้ากระดาษ พิมพ์ชื่อและนามสกุลไว้ในวงเล็บ สำหรับตำแหน่งขึ้นบรรทัดใหม่ 1 ระยะบรรทัดและพิมพ์วางศูนย์กับชื่อและนามสกุลที่อยู่ในวงเล็บนั้น
ข่าวเทคโนโลยี
ร้านค้าออนไลน์’ (1) ไม่ง่าย...แต่ก็ไม่ยากเกิน !!
“อินเทอร์เน็ต” นับวันจะมีบทบาทกับชีวิตคนไทยมากขึ้น และยุคนี้การใช้อินเทอร์เน็ตเปิด “ร้านค้าออนไลน์” “ประกาศซื้อ-ขายสินค้า” ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างเงินที่น่าสน โดยเฉพาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องทำเลหรือขาดเงินทุนในการเปิดร้าน ซึ่งวันนี้ทางทีม “ช่องทางทำกิน” ก็เกาะกระแส นำข้อมูลมาให้พิจารณา...
ก่อนเปิดร้านออนไลน์ ก็ควรต้องพิจารณาหัวข้อต่อไปนี้คือ “ความรู้-ความเข้าใจ” ต้องเข้าใจว่าเว็บไซต์คืออะไร ทำงานอย่างไร ให้ประโยชน์อะไร และจะประยุกต์สินค้าที่มีให้เข้ากับเว็บไซต์ในด้านใดได้บ้าง
อันดับสอง “การเข้าถึง” หมายถึงการเข้าถึงเทคโนโลยีที่จะทำให้เราได้ประโยชน์สูงสุด ตรงกับเป้าหมายทางธุรกิจและกลุ่มลูกค้า และอันดับสาม “การพัฒนา” ร้านค้าออนไลน์ที่ดีหมายถึงร้านที่สร้างไม่เคยเสร็จ หมายความว่าต้องมีการอัพเดทข้อมูลใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ ไม่หยุดนิ่ง
ปัจจุบันแม้ไม่มีความรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรม ก็สามารถพัฒนาร้านออนไลน์ของตนเองได้ เพราะมีโปรแกรมสำเร็จรูปและมีผู้ให้บริการด้านนี้คอยรองรับอยู่แล้ว
สำหรับการเปิดร้านค้าออนไลน์อาจจำแนกกว้าง ๆ ออกได้ 2 แนวทางคือ...
แนวทางที่ 1 ซื้อชื่อโดเมนและเช่าพื้นที่เซิร์ฟเวอร์ หรือการสร้างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ขึ้นเอง ซึ่งสามารถค้นหาบริษัทที่รับจดโดเมนโดยลองค้นหาในเสิร์ชเอ็นจิ้น เช่น google, yahoo, sanook โดยพิมพ์คำว่า “รับจดโดเมน” ก็จะพบรายชื่อบริษัทที่ให้บริการ ซึ่งเรื่องโดเมนนี้อธิบายง่าย ๆ ก็เหมือนกับชื่อบริษัท ชื่อร้าน หรือชื่อสินค้าบริการของคุณ ซึ่งควรจะเป็นชื่อที่จดจำได้ง่าย ไม่สับสน
เมื่อเลือกได้แล้ว ก็ลองใส่ชื่อที่ต้องการจดลงในช่องค้นหาชื่อเว็บไซต์ ถ้าหากชื่อนั้นยังไม่ถูกใช้งานก็จะสามารถลงทะเบียนเป็นเจ้าของชื่อได้ นอกจากนั้น เรื่องของพื้นที่สำหรับเว็บไซต์ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณา เพราะขนาดของพื้นที่ข้อมูลหรือเซิร์ฟเวอร์จะเป็นตัวเก็บข้อมูลต่าง ๆ โดยราคาพื้นที่จะแตกต่างกันไปตามขนาดพื้นที่ วิธีนี้ลูกค้าสามารถเข้าถึง เลือกชมสินค้า รวมทั้งสั่งซื้อ ได้โดยตรง
แนวทางที่ 2 การหาพื้นที่ฟรี หรือการลงประกาศสินค้าผ่านทางฟรีเว็บไซต์ ที่เปิดให้บริการลงโฆษณาขายสินค้าและบริการฟรี โดยอาจค้นหาจากในเสิร์ช์เอ็นจิ้นเหมือนแนวทางแรก โดยพิมพ์คำว่า “ลงประกาศฟรี” “ลงโฆษณาสินค้าฟรี” “เปิดร้านฟรี” ก็จะปรากฏเว็บไซต์ที่ให้บริการด้านนี้มากมาย อาทิ Pantipmarket.com, Tarad.com, Market2u.com เป็นต้น
แต่ละเว็บไซต์ก็จะมีเงื่อนไขในการลงประกาศหรือโฆษณาสินค้าแตกต่างกันไป เช่น จำนวนรูปภาพ จำนวนสินค้า ขนาดพื้นที่เว็บไซต์ แบบฟอร์มการติดต่อผ่านอีเมล์ ระบบรายการสั่งซื้อ อายุของการลงโฆษณา เป็นต้น ซึ่งผู้ที่จะใช้แนวทางนี้ก็ควรต้องศึกษาให้เหมาะสมกับตัวเอง
ขั้นตอนการทำสำหรับแนวทางที่ 2 ขอยกตัวอย่างจากการเปิดร้านกับเว็บไซต์ Tarad.com โดยเริ่มจากเปิดเข้าไปที่เว็บไซต์ จากนั้นคลิกเปิดที่หัวข้อเว็บไซต์สำเร็จรูป เลือกเว็บไซต์ฟรีเพื่อทดลองใช้งานดูก่อน หากใช้บริการแล้วพอใจก็อาจจะเปลี่ยนเป็นแพ็คเกจได้ในภายหลัง จากนั้นอ่านกฎกติกาดูว่าเหมาะสมกับธุรกิจหรือไม่
จากนั้นคลิกที่เริ่มต้นเปิดร้าน ทำการสมัครเป็นสมาชิก อ่านข้อตกลงการใช้บริการเสร็จก็ตอบยอมรับหากเห็นด้วย จากนั้นกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มที่ปรากฏอยู่ เมื่อเสร็จจากขั้นตอนนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการสร้างเว็บ โดยเริ่มกรอกข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า โดยเลือกจากหมวดหมู่ที่ต้องการ ตามด้วยรายละเอียดอื่น ๆ เมื่อเสร็จสิ้นครบถ้วนก็ให้ Login เข้าไปจัดการกับร้านค้าออนไลน์
ที่สำคัญ ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้บริการ ควรศึกษาเงื่อนไขให้เข้าใจก่อน หรืออาจดาวน์โหลดข้อมูลต่าง ๆ หรือคู่มือการใช้บริการของเว็บไซต์ออกมาเก็บไว้เพื่อศึกษาด้วย
ทั้งนี้ กรณีการสร้างเว็บไซต์นั้น ข้อมูลจาก http://www.microsoft.com/ ให้คำแนะนำการสร้างเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักไว้ว่า... 1.ควรเลือกใช้ชื่อหรือคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม เพราะกว่าร้อยละ 90 ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์นั้นมีต้นทางมาจากการค้นหาในเสิร์ชเอ็นจิ้น ซึ่งถ้าเลือกคำที่เหมาะสม โอกาสที่ถูกพบและคลิกเข้าดูเว็บย่อมมีมาก
2.ถ้าต้องการให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหา ควรทำให้เว็บไซต์อื่น ๆ สร้างลิงค์มาหา โดยอาจใช้วิธีส่งชื่อเว็บไซต์คุณไปยังเว็บไซต์กลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ส่งไปยังเว็บไซต์ทางธุรกิจต่าง ๆ หรืออาจจ่ายเงินเพื่อให้เว็บไซต์ชั้นนำสร้างลิงค์มายังคุณ, 3.ซื้อโฆษณา เป็นทางเลือกหนึ่งในกรณีที่การสร้างลิงค์และเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมยังไม่บรรลุเป้าหมาย และ 4.บันทึกอีเมล์แอดเดรสของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ไว้เพื่อใช้ติดต่อภายหลัง และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อให้ชื่อเว็บไซต์เป็นที่รู้จัก
อาจเป็นเรื่องเทคนิคที่ดูยากสำหรับคนห่างไฮเทค แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะเรียนรู้ และเมื่อทำได้แล้วในเบื้องต้นจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับ “ไอเดีย+มันสมอง” และ “คุณภาพสินค้า-บริการ” ที่จะทำให้ “ร้านค้าออนไลน์” บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ทั้งนี้ กับเรื่องนี้ “ช่องทางทำกิน” วันอาทิตย์ที่ 17 ส.ค.จะมีต่ออีกตอน...
วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ประเภทของเลขานุการ

คุณสมบัติที่ดีของเลขานุการงานเลขานุการเป็นงานที่ยุ่งยาก สลับซับซ้อนและแข่งขันกับเวลา จะต้องติดต่อกับบุคคลหลายประเภท จะต้องเป็นผู้ช่วยผู้บริหาร เป็นตัวแทนในหลายโอกาส
จรรยาบรรณของเลขานุการ
1. มีความรับผิดชอบต่องาน และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตบนพื้นฐานของความถูกต้องยุติธรรม จริยธรรม และคุณธรรม
2. ปฏิบัติตามกฎระเบียบขององค์กรที่ตนทำงานอยู่โดยเคร่งครัดและประพฤติตนเป็นตัวอย่างที่ดี
3. รักษาความลับที่ได้มาจากการทำงานในหน้าที่ โดยไม่แพร่งพรายความลับนั้นต่อผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง ในลักษณะที่จะก่อความเสียหายต่อองค์กรที่ตนสังกัดอยู่หรือที่เคยอยู่
4. คำนึ่งถึงความต้องการ และปัญหาของผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้บังคับบัญชา
5. ไม่มีพฤติกรรมที่จะทำให้เสียภาพพจน์ ทำลายชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของอาชีพเลขานุการ ต่อองค์กรที่สังกัดอยู่และต่อสมาคมฯ ตลอดจนส่วนรวมโดยทั่วไป
6. มีทัศนคติที่ดีต่อสถานภาพของผู้ประกอบวิชาชีพอื่น ๆ
ความรู้เกี่ยวกับเลขานุการ

คำว่า “SECRETARY” ซึ่งเป็นคำที่มีอักษรย่อ 9 คำด้วยกัน คือ
S = Sense คือ ความสำนึกว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำE = Efficiency คือ ความสามารถในการปฏิบัติในหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพC = Courage คือ ความกล้า กล้าในการทำงานโดยไม่กลัวว่าจะเกิดความผิดR = Responsibility คือ ความรับผิดชอบในการทำงานE = Energy คือ การมีกำลังใจ และสุขภาพดีในการทำงานT = Technique คือ การมีเทคนิคในการทำงานA = Active คือ ความกระตือรือร้นในการทำงาน มีความว่องไว ไม่เฉื่อยชาR = Rich คือ ความเป็นผู้มีศีลธรรม วางใจได้Y = Youth คือ อยู่ในวัยหนุ่มสาว เป็นวัยที่เหมาะแก่การทำงาน มีความคล่องตัว
ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี

บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา
พัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีกำเนินมาประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกำเนินบนโลกประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อย ๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้ำ เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทำให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทำให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2551
สถานที่ท่องเที่ยว

พังงา เป็นจังหวัดที่มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่าเขา มีพื้นที่ 4,170.895 ตารางกิโลเมตร อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 788 กิโลเมตร ชื่อของจังหวัดพังงานั้นเดิมน่าจะเรียกว่า “เมืองภูงา” ตามชื่อเขางา หรือเขาพังงา ซึ่งอยู่ในตัวเมืองพังงาในปัจจุบัน เมื่อตั้งเมืองขึ้นจึงเรียกกันว่า “เมืองภูงา” เมืองภูงานี้อาจจะตั้งชื่อให้คล้องจองเป็นคู่กับเมืองภูเก็ตมาแต่เดิมก็ได้ แต่เหตุที่เมืองภูงากลายเป็นเมืองพังงานั้น สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากเมืองภูงาเป็นเมืองที่มีแร่อุดมสมบูรณ์จึงมีฝรั่งมาติดต่อซื้อขายแร่ดีบุกกันมาก และฝรั่งเหล่านี้คงจะออกเสียงเมืองภูงาเป็นเมือง “พังงา” เพราะแต่เดิมฝรั่งเขียนเมืองภูงาว่า PHUNGA หรือ PUNGA ซึ่งอาจอ่านว่า ภูงา หรือจะอ่านว่า พังงา หรือ พังกา ก็ได้
ประวัติศาสตร์ความเป็นมา
จากพงศาวดารปรากฏว่าก่อนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นั้น เมืองพังงาเป็นเมืองแขวงขึ้นอยู่กับเมืองตะกั่วป่า จนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์จึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นเมืองเทียบเท่าเมืองตะกั่วป่า เมืองตะกั่วทุ่ง และโอนเมืองจากฝ่ายกรมท่ามาขึ้นเป็นฝ่ายกลาโหมตั้งแต่นั้นมา ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงมีพระราชดำริที่จะปรับปรุงบูรณะหัวเมืองชายฝั่งตะวันตกที่ถูกพม่าตี จึงได้แต่งตั้งข้าราชการมาเป็นเจ้าเมือง และให้ขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ โดยแต่งตั้งให้พระยาบริรักษ์ภูธร (แสง ณ นคร) เป็นเจ้าเมืองพังงาคนแรกในปี 2383 ต่อมาเมืองตะกั่วทุ่งถูกยุบเป็นอำเภอขึ้นกับเมืองพังงา ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ 7 เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ที่ประชุมเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ตจึงมีมติให้ยุบเมืองตะกั่วป่าขึ้นกับจังหวัดพังงาด้วย ตั้งแต่ พ.ศ. 2474 เป็นต้นมา แรกเริ่มที่ตั้งเป็นเมืองนั้นสถานที่ราชการอยู่ที่บ้านชายค่าย ต่อมา พ.ศ. 2473 จึงได้มาสร้างศาลากลางจังหวัดขึ้นที่บ้านท้ายช้าง ครั้น พ.ศ. 2515 จึงได้สร้างศาลากลางหลังใหม่ขึ้นบริเวณหน้าถ้ำพุงช้างจนถึงปัจจุบัน
จังหวัดพังงาแบ่งการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอคุระบุรี อำเภอทับปุด อำเภอกะปง อำเภอตะกั่วทุ่ง อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง และอำเภอเกาะยาว
อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอ่าวไทย ทิศใต้ ติดกับจังหวัดพัทลุง สงขลา ทิศตะวันออก ติดกับจชายทะเลฝั่งอ่าวไทย ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดตรัง และกระบี่
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 076)
สำนักงานจังหวัด
0-7641-2071
ททท. สำนักงานภาคใต้เขต 4
212-213, 211-036
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
412-140
สถานีตำรวจภูธร อ.เมือง
412-073
ไปรษณีย์จังหวัด
412-172
ตำรวจทางหลวง
327-220
รพ.พังงา
411-033-4
รพ.ตะกั่วป่า
421-780
รพ.คุระบุรี
411-961
รพ.บางไทร
421-660
รพ.ทับปุด
411-963

